Fire Triangle เข้าใจองค์ประกอบของไฟมีอะไรบ้าง

by admin
35 views

ไฟเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในชีวิตประจำวันของมนุษย์ ตั้งแต่การใช้ในบ้านเรือน การทำอาหาร ไปจนถึงการใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ แต่ในขณะเดียวกัน ไฟก็สามารถเป็นภัยร้ายที่ทำลายชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างรุนแรง การเข้าใจถึงหลักการเบื้องต้นเกี่ยวกับการเกิดไฟ เช่น “Fire Triangle” หรือ องค์ประกอบของไฟ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและควบคุมการเกิดไฟไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

องค์ประกอบของไฟ (Fire Triangle)

Fire Triangle ประกอบไปด้วยสามองค์ประกอบหลักที่ต้องทำงานร่วมกันจึงจะเกิดการติดไฟขึ้น ซึ่งได้แก่ เชื้อเพลิง (Fuel), ออกซิเจน (Oxygen), และความร้อน (Heat) การขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งจะหยุดกระบวนการเผาไหม้ได้ ทำให้ Fire Triangle เป็นหลักการสำคัญในการป้องกันและควบคุมไฟในสถานที่ต่าง ๆ

องค์ประกอบของไฟ

1. เชื้อเพลิง (Fuel)

เชื้อเพลิง ถือเป็นสารที่สามารถติดไฟได้ เมื่อมีปริมาณความร้อนที่เหมาะสมและออกซิเจนเพียงพอ จึงจะเกิดการเผาไหม้ได้ สารที่สามารถเป็นเชื้อเพลิงได้แบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่

  • เชื้อเพลิงแข็ง (Solid Fuel): เช่น ไม้ กระดาษ พลาสติก และผ้า สิ่งเหล่านี้มักพบในชีวิตประจำวันและติดไฟได้ง่ายในบางสถานการณ์
  • เชื้อเพลิงเหลว (Liquid Fuel): เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงต่าง ๆ (เบนซิน, ดีเซล) และสารเคมีที่ติดไฟง่าย สารเหล่านี้สามารถระเหยเป็นไอและทำให้เกิดการติดไฟเมื่อได้รับความร้อน
  • เชื้อเพลิงก๊าซ (Gaseous Fuel): เช่น ก๊าซหุงต้ม (LPG), ก๊าซธรรมชาติ (NG) ซึ่งมีคุณสมบัติติดไฟได้ง่ายเมื่อมีออกซิเจนและอุณหภูมิที่เหมาะสม

เชื้อเพลิงเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นในการเกิดไฟ การจัดเก็บและใช้เชื้อเพลิงอย่างเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัยได้ เช่น การแยกเชื้อเพลิงออกจากแหล่งความร้อน และการจัดเก็บสารไวไฟในภาชนะที่ปิดสนิทและห่างไกลจากแหล่งที่สามารถติดไฟได้

2. ออกซิเจน (Oxygen)

ออกซิเจนเป็นแก๊สที่มีอยู่ในอากาศโดยทั่วไปประมาณ 21% และจำเป็นต่อการเผาไหม้ เนื่องจากไฟต้องการออกซิเจนในการทำปฏิกิริยากับเชื้อเพลิงเพื่อให้เกิดกระบวนการเผาไหม้ หากระดับออกซิเจนต่ำกว่าปริมาณที่จำเป็น จะไม่สามารถเกิดไฟไหม้ได้ การลดหรือจำกัดปริมาณออกซิเจนจึงเป็นวิธีที่ใช้ในการดับไฟอย่างหนึ่ง ตัวอย่างเช่น การใช้สารเคมีดับเพลิงที่ทำหน้าที่คลุมบนเชื้อเพลิงเพื่อป้องกันไม่ให้ออกซิเจนสัมผัสกับเชื้อเพลิงโดยตรง

ในกรณีที่มีการควบคุมอากาศและออกซิเจนได้ดี จะสามารถป้องกันไฟไหม้ได้ในบางสถานการณ์ เช่น ในห้องที่มีระบบป้องกันอัคคีภัยสามารถออกแบบให้ลดออกซิเจนภายในพื้นที่เพื่อจำกัดการติดไฟได้

3. ความร้อน (Heat)

ความร้อนเป็นพลังงานที่ทำให้เชื้อเพลิงถึงจุดติดไฟ เมื่อเชื้อเพลิงได้รับความร้อนในระดับที่เพียงพอ มันจะระเหยและสร้างไอที่สามารถทำปฏิกิริยากับออกซิเจนจนเกิดการเผาไหม้ได้ แหล่งความร้อนมีหลายประเภท ได้แก่

  • ความร้อนจากไฟฟ้า (Electrical Heat): เกิดจากการใช้ไฟฟ้าเช่นสายไฟที่เสื่อมสภาพหรือการใช้ไฟฟ้าผิดวิธี
  • ความร้อนจากเครื่องจักร (Mechanical Heat): เกิดจากการเสียดสีของชิ้นส่วนเครื่องจักร
  • ความร้อนจากการเผาไหม้ (Chemical Heat): เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมี เช่น การระเบิดของสารเคมีบางชนิด

การควบคุมแหล่งความร้อนและการป้องกันการสัมผัสระหว่างแหล่งความร้อนกับเชื้อเพลิงจึงเป็นวิธีสำคัญในการป้องกันไฟไหม้ ตัวอย่างเช่น การติดตั้งระบบระบายอากาศที่ดีเพื่อลดการสะสมความร้อน หรือการเลือกใช้วัสดุที่ไม่ติดไฟในโครงสร้างอาคารเพื่อป้องกันการกระจายของไฟ

ปฏิกิริยาการเกิดไฟขององค์ประกอบทั้งสาม

ปฏิกิริยาทำให้เกิดไฟ จึงเรียกว่า ปฏิกิริยาลูกโซ่ (Chain Reaction) 

โดยเมื่อเชื้อเพลิงได้รับความร้อนจนกระทั่งก๊าซหรือไอที่ผิวของมันมีอุณหภูมิสูงพอที่จะติดไฟได้ และมีปริมาณออกซิเจนในอากาศไม่ต่ำกว่าร้อยละ 16 ไฟจะเกิดขึ้นได้ ในกระบวนการนี้ โมเลกุลของเชื้อเพลิงจะเริ่มแตกตัวเป็นโมเลกุลที่มีขนาดเล็กลงจนแปรสภาพเป็นก๊าซ ซึ่งจะเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศและลุกไหม้ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ทำให้เกิดการเผาไหม้ ไม่หยุดจนกว่าจะขาดองค์ประกอบหนึ่งใน Fire Triangle

ตัวอย่าง : การใช้ถังดับเพลิงซึ่งทำหน้าที่กำจัดหรือแยกองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งออกจาก Fire Triangle เช่น สารเคมีในถังดับเพลิงสามารถทำหน้าที่ขจัดออกซิเจนหรือความร้อนจากเชื้อเพลิง ทำให้ไม่สามารถเกิดการเผาไหม้ได้

นำความรู้เกี่ยวกับ Fire Triangle ไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง

นำความรู้เกี่ยวกับ Fire Triangle ไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง

การทำความเข้าใจ Fire Triangle เป็นประโยชน์ในการป้องกันอัคคีภัยได้ในหลายสถานการณ์ เช่น

  • การจัดเก็บเชื้อเพลิงอย่างปลอดภัยในครัวเรือน
  • การเลือกใช้วัสดุกันไฟในบ้านเรือนและสถานประกอบการ
  • การควบคุมการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง
  • การติดตั้งระบบดับเพลิง ที่สามารถปล่อยน้ำ หรือสารดับเพลิง เมื่อตรวจจับความร้อนหรือควันไฟ ที่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเกิดไฟไหม้ขั้น ในบริเวณนั้น

ในโรงงานอุตสาหกรรม ความรู้เกี่ยวกับ Fire Triangle ยังนำไปใช้ในการจัดทำมาตรการป้องกันความเสี่ยง โดยการระบุจุดเสี่ยงที่มีการรวมตัวของเชื้อเพลิง ออกซิเจน และแหล่งความร้อน เช่น บริเวณที่มีการเก็บสารเคมี หรือบริเวณที่มีการใช้งานเครื่องจักรที่เกิดความร้อนสูง เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดการลุกลามของไฟ

และหลักการ Fire Triangle นี้ยังเป็นบทเรียนภาคทฤษฎีสำคัญ ในหลักสูตรอบรมดับเพลิง เพื่อให้เข้าใจถึงทฤษฎีการเกิดไฟ ช่วยให้ผู้ฝึกอบรมสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ และเข้าใจว่าการกำจัดหรือควบคุมองค์ประกอบใดที่สามารถหยุดกระบวนการเผาไหม้ได้

หากคุณสนใจเรียนรู้การใช้อุปกรณ์ดับเพลิง ทักษะการดับเพลิงที่ถูกต้อง เราขอแนะนำ ” หลักสูตรอบรมดับเพลิงขั้นต้น ” เป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไป  ในการเพิ่มทักษะการเอาตัวรอดเมื่อพบสถานการณ์ไฟไหม้ ได้อย่างถูกต้อง  พร้อมมอบใบเซอร์หลังผ่านการอบรม

ติดต่อ : [email protected]

สรุป

การเข้าใจองค์ประกอบของ Fire Triangle มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันอัคคีภัย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ที่อาจสร้างความเสียหายและเป็นอันตรายต่อชีวิต Fire Triangle ประกอบด้วยเชื้อเพลิง ออกซิเจน และความร้อน ซึ่งต้องทำงานร่วมกันจึงจะเกิดการเผาไหม้ การขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งจะทำให้การติดไฟไม่สามารถเกิดขึ้นได้

ในสถานการณ์ฉุกเฉิน การใช้องค์ความรู้นี้สามารถช่วยในการตัดสินใจอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดการแพร่กระจายของไฟ เช่น การใช้ถังดับเพลิง การปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เป็นแหล่งความร้อน หรือการระบายออกซิเจนออกจากพื้นที่ที่เกิดไฟไหม้ นอกจากนี้การทำตามมาตรการและการใช้ความรู้เกี่ยวกับ Fire Triangle ในชีวิตประจำวันจะช่วยสร้างความปลอดภัยในการดำรงชีวิตและในที่ทำงาน

บทความน่าสนใจ

ศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิง ขั้นต้น และซ้อมอพยพดับเพลิง ที่มีความพร้อมทั้งวิทยากร และอุปกรณ์ให้การจัดอบรม พื้นที่กรุงเทพ

เวลาทำการ : จันทร์ – เสาร์ (8.00 – 17.00 )

ติดต่อ

Copyright @2025 อบรมดับเพลิงกรุงเทพ.com Developed website and SEO by iPLANDIT