รู้จักประเภทของเพลิง และวิธีการดับเพลิงที่ถูกต้อง ตามหลักสากล

by admin
37 views

เพลิงไหม้หรือไฟเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเชื้อเพลิง เมื่อมีปัจจัยพื้นฐาน 3 ประการ ได้แก่ เชื้อเพลิง ออกซิเจน และความร้อน หรือที่เรียกว่า “Fire Triangle” ไฟจะสามารถเกิดขึ้นและลุกลามได้ ในบทความนี้เราจะพาศึกษาถึงประเภทของเพลิงและวิธีการดับเพลิงในแต่ละประเภท ซึ่งการเข้าใจประเภทของเพลิงมีความสำคัญ ในการเลือกวิธีควบคุมไฟให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด

ประเภทของเพลิง มีอะไรบ้าง

ตามมาตรฐานสากล (NFPA) การจำแนกประเภทของเพลิงสามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเภทหลัก ดังนี้

  1. เพลิงประเภท A (Class A Fires): เพลิงที่เกิดจากวัสดุเชื้อเพลิงที่เป็นของแข็ง เช่น ไม้ กระดาษ ผ้า ยาง ซึ่งเป็นวัสดุที่สามารถเผาไหม้และสร้างเถ้าหรือขี้เถ้าได้ เพลิงประเภทนี้สามารถเกิดได้ง่ายและเป็นประเภทที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน
  2. เพลิงประเภท B (Class B Fires): เพลิงที่เกิดจากของเหลวติดไฟ เช่น น้ำมัน ก๊าซเหลว ทินเนอร์ แอลกอฮอล์ และสารเคมีบางชนิด ที่เมื่อเกิดการเผาไหม้จะให้ความร้อนและทำให้ลุกลามได้อย่างรวดเร็ว โดยเพลิงประเภทนี้มักเกิดในพื้นที่ที่มีสารเคมีเหลวหรือก๊าซที่ไวต่อการลุกไหม้
  3. เพลิงประเภท C (Class C Fires): เพลิงที่เกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สายไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า มอเตอร์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า โดยไฟประเภทนี้จะมีความเสี่ยงสูงจากการถูกกระแสไฟฟ้าช็อตขณะดับไฟ การใช้วิธีการดับเพลิงที่ผิดพลาดอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิต
  4. เพลิงประเภท D (Class D Fires): เพลิงที่เกิดจากโลหะที่ติดไฟได้ เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม และอลูมิเนียม ซึ่งเป็นโลหะที่ไวต่อการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจน ทำให้เกิดความร้อนและการลุกลามอย่างรวดเร็ว การดับเพลิงประเภทนี้มีความยากเนื่องจากโลหะที่ติดไฟมักจะมีอุณหภูมิสูง
  5. เพลิงประเภท K (Class K Fires): เพลิงที่เกิดจากไขมันและน้ำมันในการประกอบอาหาร เช่น น้ำมันพืช เนย มาการีน เพลิงประเภทนี้มักพบในห้องครัวหรือร้านอาหาร และเนื่องจากไขมันเป็นเชื้อเพลิงที่สามารถระเหยและติดไฟได้ง่าย การดับเพลิงประเภทนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

เพลิงประเภท B

วิธีการดับเพลิงในแต่ละประเภท

วิธีการดับเพลิงจะแตกต่างกันตามประเภทของเพลิงที่เกิดขึ้น เพื่อให้การควบคุมและการดับเพลิงมีประสิทธิภาพและปลอดภัย การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับประเภทของเพลิงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

1. เพลิงประเภท A

  • ใช้น้ำ (Water): น้ำเป็นวิธีที่นิยมในการดับเพลิงประเภท A เนื่องจากสามารถลดอุณหภูมิของวัสดุที่ติดไฟลงได้ ทำให้เพลิงสงบลง อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำในพื้นที่ที่มีไฟฟ้าเนื่องจากอาจทำให้เกิดอันตรายจากการถูกไฟฟ้าช็อตได้
  • เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง (Dry Chemical Extinguishers): สามารถใช้ได้ในการดับเพลิงประเภท A และมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมเพลิงในพื้นที่ที่มีวัสดุหลายชนิด

2. เพลิงประเภท B

  • เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง: สามารถใช้เพื่อควบคุมการลุกไหม้ของของเหลวและก๊าซที่ติดไฟได้ โดยผงเคมีจะคลุมไฟและทำให้ขาดออกซิเจน
  • เครื่องดับเพลิงชนิดโฟม (Foam Extinguishers): โฟมทำหน้าที่คลุมพื้นที่ที่มีของเหลวติดไฟได้ และป้องกันการสัมผัสระหว่างออกซิเจนกับเชื้อเพลิง ทำให้ไฟสงบลงอย่างรวดเร็ว
  • คาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Dioxide): ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำหน้าที่แทนที่ออกซิเจนและลดความร้อน เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการดับเพลิงประเภท B

3. เพลิงประเภท C

  • เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง: เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับเพลิงประเภท C เนื่องจากไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้าและสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในการดับไฟที่เกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้า
  • คาร์บอนไดออกไซด์: สามารถใช้ดับเพลิงประเภท C ได้ดี เนื่องจากก๊าซนี้ไม่ทิ้งสารตกค้างและไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้า ทำให้เหมาะสมสำหรับการดับไฟที่เกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้า

4. เพลิงประเภท D

  • สารเคมีพิเศษสำหรับดับไฟโลหะ: การดับเพลิงประเภท D ต้องใช้สารเคมีพิเศษ เช่น ผงแกรไฟต์หรือผงทองแดง ที่สามารถดูดซับความร้อนและควบคุมการลุกไหม้ของโลหะได้ การใช้น้ำหรือสารดับเพลิงชนิดอื่นอาจทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงและเกิดอันตรายมากขึ้น

5. เพลิงประเภท K

  • เครื่องดับเพลิงชนิดน้ำยาเคมีเหลว (Wet Chemical Extinguishers): ใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติป้องกันการลุกไหม้และลดอุณหภูมิ เช่น โพแทสเซียมอะซิเตท ซึ่งสามารถป้องกันการระเหยของน้ำมันและลดการลุกลามของไฟในครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตารางสรุปประเภทของเพลิงที่พบได้บ่อยและวิธีการดับเพลิงที่เหมาะสมในแต่ละประเภท

ประเภทของเพลิง ตัวอย่างเชื้อเพลิง วิธีการดับเพลิงที่เหมาะสม
ประเภท A (Class A) ของแข็งติดไฟ เช่น ไม้ กระดาษ ผ้า ยาง – ใช้น้ำเพื่อลดความร้อน
– เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง
ประเภท B (Class B) ของเหลวติดไฟ เช่น น้ำมัน ก๊าซเหลว ทินเนอร์ – เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง
– เครื่องดับเพลิงชนิดโฟม
– คาร์บอนไดออกไซด์
ประเภท C (Class C) อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สายไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า – เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง
– คาร์บอนไดออกไซด์
ประเภท D (Class D) โลหะติดไฟ เช่น โซเดียม แมกนีเซียม – ใช้สารเคมีพิเศษสำหรับดับเพลิงโลหะ เช่น ผงแกรไฟต์
ประเภท K (Class K) ไขมันและน้ำมันทำอาหาร เช่น น้ำมันพืช เนย – เครื่องดับเพลิงชนิดน้ำยาเคมีเหลว (โพแทสเซียมอะซิเตท)

ข้อควรระวังในการดับเพลิง

  1. ประเมินสถานการณ์: ก่อนจะดับเพลิง ควรประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบว่ามีความปลอดภัยเพียงพอในการเข้าไปดับเพลิง หากเพลิงลุกลามจนไม่สามารถควบคุมได้ ควรรีบออกจากพื้นที่และแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง
  2. อุปกรณ์ป้องกัน: การใช้เครื่องดับเพลิงต้องใช้อุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ หน้ากาก และหมวกนิรภัย เพื่อป้องกันตนเองจากการบาดเจ็บหรือการหายใจเอาควันพิษเข้าสู่ร่างกาย
  3. เรียนรู้การใช้เครื่องดับเพลิง: ควรมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้งานเครื่องดับเพลิงเบื้องต้น เช่น การดึงปากกานิรภัย การเล็งหัวฉีดไปที่ฐานไฟ และการกดปล่อยสารดับเพลิงอย่างต่อเนื่อง

การอบรม “การดับเพลิงขั้นต้น”

เพื่อเพิ่มทักษะและความมั่นใจในการรับมือเหตุการณ์เพลิงไหม้ เราขอแนะนำผู้ที่สนใจเข้าร่วมการอบรม “การดับเพลิงขั้นต้น” ซึ่งเหมาะสำหรับบุคคลทั่วไป โดยการอบรมนี้จะเน้นให้ผู้เข้าอบรมได้ฝึกปฏิบัติจริง เรียนรู้วิธีการใช้เครื่องดับเพลิงในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างถูกต้องและปลอดภัย ผู้เข้าอบรมจะได้ทดลองใช้เครื่องดับเพลิงชนิดต่าง ๆ รวมถึงวิธีการเลือกใช้ตามประเภทของเพลิงที่พบ เพื่อเพิ่มทักษะให้พร้อมรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินในชีวิตประจำวัน

สรุป

ทักษะความรุ้การดับเพลิง เป็นสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องรู้ ในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เมื่อพบเจอสถานการณ์จริงด้วยตัวเอง แต่ไม่ใช่ว่าพบไฟไหม้แล้วจะใช้อะไรดับก็ได้ ควรทำความเข้าใจประเภทของเพลิงและวิธีการดับเพลิงที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทเป็นสิ่งสำคัญ การเตรียมพร้อมในการรับมือเหตุการณ์เพลิงไหม้ด้วยการฝึกฝนทักษะและความรู้ในการดับเพลิงจะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้

ศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิง ขั้นต้น และซ้อมอพยพดับเพลิง ที่มีความพร้อมทั้งวิทยากร และอุปกรณ์ให้การจัดอบรม พื้นที่กรุงเทพ

เวลาทำการ : จันทร์ – เสาร์ (8.00 – 17.00 )

ติดต่อ

Copyright @2025 อบรมดับเพลิงกรุงเทพ.com Developed website and SEO by iPLANDIT